UFABETWINS “โรมาริโอ, เอ็ดมุนโด” : เพื่อนร่วมงานที่เกลียดกันมากที่สุดในประวัติศาสตร์

UFABETWINS

UFABETWINS แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชุด 3 แชมป์ในปี 1999 เก่งแค่ไหนใครก็รู้ พวกเขาเป็นแชมป์ยุโรป และหลายคนบอกว่าเป็นทีมที่ดีที่สุดในโลก

แต่เดี๋ยวก่อน ความเชื่อนี้ถูกลบล้างอย่างรวดเร็ว จากการเดินทางไปประเทศบราซิล เพื่อลงแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก ที่จัดขึ้นโดย ฟีฟ่า ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ซึ่งโปรแกรมที่ชนกับ เอฟเอ คัพ ทำให้ต้องยอมถอนตัวจากการป้องกันแชมป์ฟุตบอลถ้วยที่เก่าแก่ที่สุดในโลกไป ปีศาจแดงชุดตำนาน โดนเล่นงานโดยทีมตัวแทนเจ้าภาพอย่าง วาสโก ดา กามา อย่างยับเยิน และ 2 นักเตะที่ปั่นหัว ยาป สตัม และยิงผ่าน มาร์ค บอสนิช ราวกับมีเวทมนตร์

คือ 2 เสือเฒ่าของวงการฟุตบอลแซมบ้า ชื่อของทั้งคู่คือ “โรมาริโอ” และ “เอ็ดมุนโด” เจ้าฉายา “แบดบอยส์” คู่หูขวางนรกในสนาม แต่เมื่อหมดจากหน้าที่ พวกเขาเกลียดกันยิ่งกว่าอะไร และนี่คือเรื่องราวทั้งหมดโดย Main Stand โตมาเหมือนกัน เรื่องราวระหว่าง โรมาริโอ กับ เอ็ดมุนโด มีจุดเริ่มต้นราวกับหนังสักเรื่อง ที่พระเอกของเรื่องและคู่ปรับตัวฉกาจ เคยมีอดีตเป็นเพื่อนซี้กัน โตมาจากที่เดียวกัน และมีความฝันในการเป็นยอดคนเหมือนกัน โรมาริโอ เป็นรุ่นพี่ เอ็ดมุนโด

5 ปี แม้ไม่ได้เล่นในทีมชุดใหญ่ของ วาสโก ดา กามา ด้วยกันในตอนเริ่มต้นอาชีพค้าแข้ง แต่ทั้งคู่ก็เติบโตมากับอคาเดมีของทีม และรู้จักมักคุ้นกันเป็นอย่างดี โรมาริโอ มาก่อน และเป็นสุดยอดเด็กนรกแห่งยุคในช่วงยุคกลางๆ 80s ก้าวขึ้นสู่ชุดใหญ่ในปี 1988 และทำได้ทุกอย่างที่กองหน้าระดับโลกควรจะทำให้ได้ แม้จะสูงแค่ 167 เซนติเมตร แต่ทั้งความพริ้ว ลีลา การจบสกอร์ และมาดของเขานั้นเกิดมาเพื่อเป็นสตาร์โดยแท้ และด้วยคุณสมบัติทั้งหมดทำให้เขาได้ย้ายไป

UFABETWINS

เล่นในยุโรปกับ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น ในปี 1988 หลังจากที่ โรมาริโอ ออกไปได้ 1-2 ปี เอ็ดมุนโด ก็เป็นเด็กสร้างที่ต้องขึ้นมาทำหน้าที่แทน และทั้งคู่เหมือนกันอยู่อย่างหนึ่ง คือเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองสูงมาก โรมาริโอ สร้างเรื่องราวไว้มากมายก่อนจะย้ายออก และนั่นทำให้ เอ็ดมุนโด ที่เชื่อว่าตัวเองก็เก่งไม่แพ้กันไม่ค่อยสบอารมณ์นัก เขามั่นใจว่าเขาจะเป็นนักเตะที่ดีกว่า จุดนี้มันไม่ใช่ความเกลียดชัง แต่มันคือความหงุดหงิดของเด็กคนหนึ่งที่เชื่อมั่นในตัวเอง

และโดนเอาไปเปรียบเทียบกับรุ่นพี่ตลอด ความสัมพันธ์ของพวกเขาให้ความรู้สึกประมาณนั้น คล้ายๆกัน นั่นคือการยึดถือเรื่องความสุขมาก่อนระเบียบวินัย พวกเขาเชื่อว่าเมื่อมีความสุขกับชีวิตเมื่อไร ฟอร์มในสนามก็จะออกมาดีเอง ดังนั้น ทั้ง โรมาริโอ และ เอ็ดมุนโด เป็นเหมือนกันมาตั้งแต่เด็ก คือพวกเขาเป็นแข้งพรสวรรค์ที่ไม่ค่อยแยแสเรื่องการซ้อมเท่าไร แต่ก็อย่างที่รู้ๆกัน ด้วยฝีเท้าที่เกินเบอร์เพื่อนคนอื่นๆไปเยอะ ยังไงก็ไม่มีทางที่กุนซือของทีมจะตัดพวกเขา

ออกจากทีมได้ง่ายๆ กุส ฮิดดิงก์ กุนซือของ พีเอสวี ในยุคที่ โรมาริโอ อยู่กับทีมเคยเล่าว่า การมีนักเตะแบบ โรมาริโอ นั้นเป็นอะไรที่แตกต่าง จนทำให้เขาต้องยอมปิดหูปิดตาข้างนึง นักเตะประเภทนี้เป็นศิลปิน และลงสนามแบบทัศนคติที่ทำเหมือนทุกอย่างเป็นของง่าย แค่ออกไปเล่นให้ชนะก็พอแล้ว จะเอาอะไรนักหนา? แม้ ฮิดดิงก์ จะผิดหวังเรื่องผลงานการซ้อมไปบ้าง แต่เขาไม่เคยผิดหวังกับผลงานของ โรมาริโอ เลย “ในเกมใหญ่ๆที่เรากำลังจะลงสนาม

นักเตะคนอื่นแสดงสีหน้าวิตกกังวลและมันทำเอาผมเครียดไปด้วย ทางออกในเวลานั้นมันง่ายมาก โรมาริโอ จะเดินมาบอกผมด้วยน้ำเสียงเรียบๆว่า ‘ใจร่มๆ ดิโค้ช เดี๋ยวผมลงไปยิงให้เองน่า ไม่ต้องห่วง เราชนะอยู่แล้ว ชนะแบบใสแจ๋วเลยจะบอกให้'” “เขาก็เป็นของเขาแบบนั้นแหละ แต่เชื่อไหม? เวลาที่เขาพูดแบบนี้ทีไรมันได้เรื่องทุกที สมมติผมส่งเขาลงสนาม 10 เกม เขาจะพาทีมเป็นผู้ชนะประมาณ 8 เกม เรื่องมันก็เป็นแบบนี้” กุส ฮิดดิงก์ กล่าว ขณะที่ตอนที่ย้ายไปอยู่

บาร์เซโลนา ด้วยราคาเป็นสถิติโลก โรมาริโอ ก็ยังคงเป็นอย่างนั้น แม้แต่โค้ชอย่าง โยฮัน ครัฟฟ์ ก็ต้องยอมรับทัศนคติของเขาที่ไม่ค่อยจะดีนัก แต่ปลายทางคือการเปลี่ยนแปลงผลการแข่งขันได้เสมอ ดังนั้น ต่อให้จะวินัยเลวอย่างไร โรมาริโอ มักจะได้สิ่งที่ต้องการเสมอ “คนอย่าง โรมาริโอ มันเป็นอะไรที่ต้องยอมใจเขาจริงๆ มีเกมหนึ่งเกิดขึ้นก่อนที่งานคาร์นิวัลครั้งใหญ่ของบราซิลจะเริ่มขึ้น เขากล้ามาถามผมว่า จะขอลากลับบ้านไปเที่ยวสักสองวันได้ไหม?

UFABETWINS

ผมเลยบอกเขาไปว่า งั้นแกลงไปยิงสัก 2 ประตูในเกมพรุ่งนี้ก่อน ฉันจะให้เวลาพักสักวันสองวัน” “เมื่อเกมมาถึง ผมส่งเขาลงสนามและเขายิงประตูได้ 2 ลูก ตั้งแต่ 20 นาทีแรก จากนั้นเขายิ้มและวิ่งมาที่ข้างสนามก่อนบอกผมว่า ‘เอาน่าโค้ช ผมมีเครื่องบินส่วนตัว ใช้เวลาเดินทางไม่ถึง 1 ชั่วโมงหรอก’ ผมจะทำอะไรได้นอกจากต้องรักษาสัญญาเท่านั้น” นั่นแหละคือ โรมาริโอ ถ้าใครที่ยศไม่ใหญ่ ซีไม่เยอะพอ หรือไม่มีตั๋วช้าง แล้วมาสั่งให้เขาทำอะไรก็ยากที่จะได้สิ่งที่

ต้องการกลับไป ฟุตบอลคือเรื่องของผลลัพธ์ โรมาริโอ เชื่อเช่นนั้น ไม่ว่าจะเล่นกับสโมสรเล็กหรือใหญ่ ก็ไม่มีสโมสรไหนเปลี่ยนความคิดของเขาได้ อสูรรุ่นน้อง และการจับคู่ที่แฟนวาสโกฯ เฝ้ารอ ในขณะที่ โรมาริโอ ไล่ถล่มลีกยุโรป เอ็ดมุนโด ก็กลายเป็นกำลังสำคัญของ วาสโก ดา กามา เขาตัวใหญ่กว่า โรมาริโอ นิดหน่อย (สูง 177 เซนติเมตร มากกว่า โรมาริโอ 10 เซนติเมตร) แต่สไตล์การเล่นนั้นคล้ายๆกัน รวดเร็ว ปราดเปรียว คอนโทรลลูกบอลเป็นเลิศ

และดุดันอย่างกันสัตว์ร้าย จนได้ฉายาว่า “ไอ้สัตว์ป่า” สถิติการยิงประตูหรือคำกล่าวเล่าอ้างถึงเขาในสนามนั้นยอดเยี่ยมมาเสมอ แต่นอกสนามเขาไม่ต่างกับ โรมาริโอ เลย เขาคือคนที่เชื่อมั่นในการกระทำของตัวเองเป็นอันดับแรก เพราะเชื่อว่าตัวเองคือคนที่เก่งที่สุดเสมอ ไม่ว่าจะเอาใครมาเทียบก็ตาม และหนึ่งในนั้นคือ โรมาริโอ ด้วย “โรมาริโอ ก็ไม่ หรือต่อให้ โรนัลโด้ (R9) ก็ไม่ได้เก่งไปกว่าผมหรอก” นี่คือตัวอย่างคำสัมภาษณ์สุดผยองของเขา

“ถ้ากฎของรางวัลบัลลงดอร์เปลี่ยนตั้งแต่ยุค 90s ผมว่าผมคงจะได้มาครองสักครั้ง (แม้เปิดให้นักเตะทั่วโลกมีลุ้น แต่ในตอนนั้น ผู้มีสิทธิ์ชิงรางวัลต้องเล่นกับสโมสรในทวีปยุโรป) ผมว่าผมทำผลงานได้ดีกว่า โรนัลโด้ ในปี 1997 สมัยเล่นให้ บาร์เซโลน่า อีกด้วยซ้ำ โรนัลโด้ ได้เปรียบผมตรงที่เล่นกับทีมใหญ่ มีคนเห็นลีลาของเขาทุกสัปดาห์ ทุกคนรักเขา อันนั้นผมไม่เถียง แต่ถามว่าเขาเก่งกว่าผมไหม? ผมก็ตอบคำเดิมว่า ไม่มีทางหรอก” ช่วงที่ฮอตๆ เอ็ดมุนโด

เคยได้ข้อเสนอจากเรอัล มาดริด ด้วยระยะสัญญานาน 8 ปี นั่นคือโอกาสดีที่เขาจะได้ไปเล่นให้คนเยอะๆเห็นแบบที่เขาพูดถึง โรนัลโด้ แต่สุดท้าย เอ็ดมุนโด ก็ไม่ไป เขาไม่ได้กลัว เขาแค่รับไม่ได้กับการที่ มาดริด จ่ายค่าเหนื่อยให้เขาน้อยกว่าสมัยเล่นในบราซิลอีกด้วยซ้ำ ดังนั้น การอยู่บราซิล เตะไปกินเหล้าไป ปาร์ตี้ไป วินัยไม่จริงจังตามสไตล์ของเขา มันดีต่อใจกว่าต้องไปเล่นในยุโรป ได้เงินน้อยกว่าเดิม แถมยังต้องโดนจ้ำจี้จ้ำไชเรื่องการซ้อม ซึ่งเขาบอกว่า

“มันไม่ใช่” การเล่นให้กับ ฟิออเรนตินา ถือเป็นช่วงที่เขาใกล้จะเป็นดาวดังของเซเรีย อา ยุค 90s ที่เต็มไปด้วยนักเตะระดับโลกแล้วแท้ๆ แต่ปัญหาคือเขาเบื่อกับชีวิตที่โดนคนสั่ง และคิดถึงงานคาร์นิวัลเมาสุดเหวี่ยงที่บราซิลเสียก่อน ในฤดูกาล 1998-99 ฟิออเรนตินา ที่นำโดย เอ็ดมุนโด, กาเบรียล บาติสตูต้า และ รุย คอสตา ทำผลงานได้ดีจนมีลุ้นคั่วแชมป์ลีกที่แฟนๆเฝ้ารอ โชคร้ายที่ก่อนเกมสำคัญจะมาถึง บาติสตูตา เกิดเจ็บ และนั่นทำให้ โจวานนี ตราปัตโตนี มองหา

เอ็ดมุนโด เพื่อเป็นที่พึ่งสำคัญ ทว่าเขามองหาช้าไป เอ็ดมุนโด แอบขึ้นเครื่องบินหนีกลับบราซิลในขณะที่ทีมมีเกมสำคัญ การกระทำครั้งนี้ของเขาทำให้โดนแฟนบอลตราหน้าว่าเป็นความเห็นแก่ตัวมากที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสรเลยทีเดียว ซึ่งนั่นทำให้ฟางเส้นสุดท้ายระหว่าง ฟิออเรนตินา กับ เอ็ดมุนโด ขาดลง

เขาโดนเลหลังให้กับ วาสโก ดา กามา สโมสรที่เป็นเหมือนบ้านของเขาอีกครั้ง เอ็ดมุนโด กลับมาเป็นพระเจ้าที่ วาสโก ดา กามา ในปี 1999 อย่างน้อยเขาก็คิดเช่นนั้น จนกระทั่ง 1 ปีให้หลัง เมื่อพี่ใหญ่กลับบ้านนั่นแหละ เรื่องราวทั้งหมดก็เริ่มขึ้น

 

อ่านข่าวอื่นๆที่ >>> https://www.ufabetwins.com/
หน้าแรก >>> บ้านผลบอล