UFABETWINS ย้อนรอย 5 เหตุการณ์ยอดเยี่ยม “โซลชา” ในการคุม แมนฯ ยูไนเต็ด

UFABETWINS กำลังเป็นที่น่าจับตามองสุด ๆ ในชั่วโมงนี้สำหรับอนาคตกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ของกุนซืออดีตตำนานนักเตะของสโมสรอย่าง โอเล กุนนาร์ โซลชา 

[FEATURE] ย้อนรอย 5 เหตุการณ์ยอดเยี่ยม "โซลชา" ในการคุม แมนฯ ยูไนเต็ด

ที่ทำผลงานได้อย่างย่ำแย่ในช่วงหลายนัดหลังรวมถึงการเพิ่งจะถูก ลิเวอร์พูล บุกมาถล่มถึงถิ่นแบบไร้ทางสู้ 0-5 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตามด้านแฟน ๆ ปีศาจแดง ยังมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันออกไป ทั้งสนับสนุนให้อยู่คุมทีมต่อและอีกด้านคือต้องการความเปลี่ยนแปลงให้เร็วที่สุด ซึ่งที่ผ่านมาผลงานของ น้าลูกอม ก็มีทั้งดีและร้ายปะปนกันไป วันนี้เราจึงอยากจะพาแฟน 90Min ย้อนกลับไปดูกันว่าในอดีต โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ เคยสร้างความประทับใจอะไรให้กับสาวก เร้ด เดวิลส์ กันบ้าง..

ประเดิม 17 เกมแรก ชนะ 14 แพ้ 1

เรียกได้ว่าช่วงปลายปี 2018 เป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาอันมึดมนของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่ง ณ เวลานั้นเป็นปีที่สองในการคุมทีมของ โชเซ มูรินโญ แม้ว่าผลงานจะทรง ๆ ไม่ได้ถึงขั้นวิกฤตหนักไปทางเสมอเป็นส่วนใหญ่ แต่นั่นก็ดูเหมือนจะไม่ดีพอสำหรับบอร์ดบริหารของทีมสักเท่าใด จนตัดสินใจประกาศปลดนายใหญ่ชาวโปรตุเกสออกจากตำแหน่งหลังผ่านสัปดาห์ที่ 17 ของฤดูกาล

ซึ่งช่วงเวลานั้นเองที่ โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ ที่กำลังทำผลงานได้ดีกับการพา โมลด์ จบฤดูกาลด้วยการเป็นรองแชมป์ลีกในประเทศนอร์เวย์ ถูกดึงตัวเข้ามารับหน้าที่กุนซือชั่วคราวเพื่อขัดตาทัพระหว่างที่สโมสรกำลังมองหานายใหญ่ที่เหมาะสมเข้ามาทำหน้าที่ต่อไป

แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าทั้งที่ทีมก็เป็นชุดเดียวกัน แต่ โอเล กลับสร้างความประทับใจให้แฟน ๆ ได้ตั้งแต่เกมแรกด้วยการบุกถล่ม คาร์ดิฟฟ์ 1-5 ชนิดที่รูปเกมดุดันแบบไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อนในยุคของ มูรินโญ และหลังจากนั้นเขาพาทีมกอบโกยชัยชนะมาได้อย่างต่อเนื่องจนหลังผ่านไป 17 นัดแรกในการคุมทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะไปถึง 14 เสมอ 2 และแพ้ไปเพียงเกมเดียวต่อ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ในถ้วยยุโรปเท่านั้นและพวกเขายิงได้มากถึง 39 ประตูเลยทีเดียว

Ole Gunnar Solskjaer, Paul Pogba

พลิกนรกเบียดชนะ ปารีสฯ เข้ารอบปาฏิหารย์

หากถามแฟน ๆ แมนเชเสตอร์ ยูไนเต็ด ถึงเกมที่น่าประทับใจสุด ๆ ในยุคของ โซลชาร์ คาดว่าจะต้องมีเกมในรอบ 16 ทีมสุดท้ายในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาล 2018/19 ที่พบกับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ติดโผเข้ามาด้วยอย่างแน่นอน

โดยหลังจาก โอเล เข้ารับหน้าที่กุนซือขัดตาทัพแทนที่ มูรินโญ ที่ก่อนหน้านั้นสามารถพาทีมเขารอบ 16 ทีมสุดท้ายฟุตบอลยุโรปมาได้แบบหืดขึ้นคอ ภารกิจแรกของ โซลชาร์ คือการพาต้นสังกัดพบกับ เปแอสเช โดยเกมแรกเป็น ปารีสฯ ที่บุกมาอัด 0-2 ได้ถึงถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด จากสองประตูในช่วงครึ่งหลังของ เพสเนล คิมเพมเบ้ และ คิเลียน เอ็มบัปเป้ ซึ่งหลังจากเกมนั้นแฟน ๆ หลายคนก็เริ่มทำใจแล้วว่าปีนี้มีโอกาสสูงที่ทีมอาจจะจอดอยู่ที่รอบ 16 สุดท้ายก็เป็นได้

แต่แล้วในเลกที่สองที่ ปาร์ค เด แปรงส์ โรเมลู ลูกากู ยิงออกนำเร็วตั้งแต่นาทีที่ 2 จุดประกายความหวังให้กลับมาโชดช่วงได้อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ฆวน แบร์นาร์ด มายิงไล่ขึ้นมาเป็น 1-1 เพียงแค่ 10 นาทีต่อมา นั่นหมายความว่า พลพรรคปีศาจแดง ต้องยิงเพิ่มอีก 2 ประตูจึงจะเข้ารอบต่อไป หลังจากนั้นไม่นาน ลูกากู คนเดิมยิงให้ทีมออกนำอีกครั้งเป็น 2-1 ในนาทีที่ 30 สร้างแรงฮึดมหาศาลให้เพื่อนร่วมทีมอย่างมาก แต่บุกเท่าไหร่ก็ยังยิงเพิ่มไม่ได้เสียที จนกระทั่งช่วงทดเวลาบาดเจ็บของครึ่งหลัง เจ้าถิ่นพลาดท่าทำแฮนด์บอลในกรอบเขตโทษและเป็น มาร์คัส แรชฟอร์ด รับหน้าที่สังหารจุดโทษเขาไป ทำให้จบเกมด้วยสกอร์รวมสองนัด 3-3 แต่ แมนฯ ยูไนเต็ด พลิกล็อคเข้ารอบด้วยกฏประตูทีมเยือนในที่สุด

Marcus Rashford, Chris Smalling, Tahith Chong

สุดยอดดีล เซ็นสัญญา บรูโน เฟอร์นันเดส

ต้องบอกว่าเป็นอีกหนึ่งมหากาพย์การย้ายทีมสำหรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คนหนึ่งเลยก็ว่าได้สำหรับ บรูโน เฟอร์นันเดส เพลย์เมคเกอร์ที่ก่อนหน้านั้นค้าแข้งอยู่กับ สปอร์ติง ลิสบอน ซึ่งเจ้าตัวมีข่าวพัวพันกับ แมนฯ ยูไนเต็ด มายาวนานหลายฤดูกาล

จนกระทั่งปลายเดือนมกราคมปี 2020 ปีศาจแดง จัดการปิดดีลอันยืดเยื้อนี้ด้วยค่าตัวรวมราว 67 ล้านปอนด์ ซึ่งแน่นอนน้อยคนจะคิดว่า บรูโน จะเข้ามาสร้างอิมแพคอย่างใหญ่หลวงในกับสโมสรได้ทันทีทันใด แต่เขากลับปรับตัวและก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่งของทีมได้อย่างรวดเร็วชนิดที่พลิกฟอร์มจากที่กำลังอยู่ในช่วงขาลงให้กลับให้ฟื้นคืนชีพได้อย่างน่าเหลือเชื่อ เพราะหลังจากการมาของเขา 17 นัดแรก แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่แพ้ใครเลย จะเรียกได้ว่าเป็นการเซ็นสัญญาที่ยอดเยี่ยมอันดับต้น ๆ ในประวัติศาสตร์ของสโมสรเลยก็ว่าได้

ชนะ เรือใบสีฟ้า สองเกมติดเป็นครั้งแรก

อย่างที่ทราบกันดีว่าหลังจากช่วงปี 2010 เป็นต้นมา แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เรียกได้ว่าเป็นทีมยักษ์ใหญ่เบอร์ต้น ๆ ของ ยุโรปมาจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะยุคของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ที่เขามายกระดับให้ เรือใบสีฟ้า ขึ้นเป็นเต็งหนึ่งแทบจะทุกรายการที่ลงแข่งเลยก็ว่าได้

ซึ่งหลังจากการวางมืออย่างเป็นทางการของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน สถิติการพบกันของสองคู่ปรับร่วมเมืองดูจะเป็น แมนฯ ซิตี้ ที่ข่มอยู่เล็ก ๆ แต่ก็ยังผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะสลับกันไป กระทั่งในฤดูกาล 2019/20 ถือเป็นอีกหนึ่งปีที่ทั้งคู่พบกันบ่อยมากถึง 4 นัด โดยสองเกมแรกต่างฝ่ายต่างบุกไปชนะกันและกันมาได้ จนกระทั่งในเกม คาราบาว คัพ รอบ 4 ทีมสุดท้ายนัดที่สอง ปีศาจแดง ที่ไม่มีอะไรจะเสียเพราะเลกแรกถูกบุกไปเอาชนะถึงถิ่น 1-3 ก็เปิดเกมบุกแลกหมัดกับเจ้าบ้านได้อย่างสูสี และประตูโทนลูกเดียวจาก เนมันยา มาติช ส่งผลให้ แมนฯ ยูไนเต็ด บุกมาชนะไปได้ 0-1 แม้จะไม่เพียงพอต่อการเข้ารอบชิงชนะเลิศก็ตาม

หลังจากนั้นราว ๆ หนึ่งเดือนต่อมา ทั้งคู่ก็โคจรมาพบกันในเกมลีกอีกครั้ง ซึ่งนัดนี้ ปีศาจแดง งัดฟอร์มเก่งเปิดบ้านเอาชนะไปได้ 2-0 จากประตูของ อ็องโตนี มาร์กซิยาล และลูกยิงไกลปิดท้ายของ แมคโทมิเนย์ จากความผิดพลาดของ เอแดร์ซอน ในช่วงทดเวลา นับเป็นการเอาชนะศึกแห่งศักดิ์ศรีต่อยักษ์ใหญ่อย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้สองนัดติดต่อกันเป็นครั้งแรกหลังจากทำได้ครั้งล่าสุดต้องย้อนกลับไปในปี 2010 หรือ 10 ปีก่อนหน้านั้นเลยทีเดียว

ตำนานคืนรัง คริสเตียโน่ โรนัลโด้

ถือเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่แทบไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดขึ้น แถมยังเกิดขึ้นเร็วจนรู้ตัวอีกทีก็มีการประกาศอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว นั่นคือการเซ็นสัญญาของสุดยอดตำนานผู้ที่เคยถูกสโมสรชุบเลี้ยงมาจนเติบใหญ่อย่าง คริสเตียโน โรนัลโด้ ที่ตัดสินใจย้ายกลับมายังถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด อีกครั้งในวัย 36 ปี

โดยก่อนหน้านั้นเริ่มมีข่าวลือหนาหูว่าเจ้าตัวเริ่มไม่มีความสุขกับ ยูเวนตุส แม้จะมีการออกมาปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง แต่หลังจากเข้าสู่ช่วงท้ายของตลาดซื้อขาย ข่าวการย้ายทีมของ เจ็ดโด้ ก็เริ่มจะมีมูลความจริงมากขึ้น เริ่มจาก เรอัล มาดริด จนมาฮือฮาสุด ๆ หลังสื่อกระพือข่าวว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่เพิ่งจะอกหักจาก แฮร์รี เคน ต้องการจะคว้าตัวดาวเตะชาวโปรตุเกสรายนี้มาล่าตาข่ายแทน จนสื่อต่างวิเคราะห์กันไปต่าง ๆ นา ๆ ถึงแนวทางการเล่นของเขาภายใต้การคุมทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา แต่ก็ต้องมาสะดุดเมื่อ เรือใบสีฟ้า ตัดสินใจถอนตัวจากดีลนี้ และนั้นเป็นส้มหล่นทั้งที่ตอนแรก แมนฯ ยูไนเต็ด กำลังมองหากองกลางตัวรับอยู่ดี ๆ กลับตัดสินใจคว้าโอกาสทองดึงตัวยอดตำนานของพวกเขากลับมาสู่อ้อมอกอีกครั้งด้วยค่าตัวเพียง 13 ล้านปอนด์ สร้างความปิติยินดีให้กับสาวก ปีศาจแดง กันทั่วหน้าพร้อมกับความหวังว่า โรนัลโด้ จะพาสโมสรไปสู่จุดที่ควรจะเป็นได้อีกครั้ง