UFABETWINS ถึงเวลาแข้ง “ปราสาทสายฟ้า” โกอินเตอร์

UFABETWINS

UFABETWINS

หลายวันที่ผ่านมา กระแสข่าวการย้ายไปเล่นให้ ชนบุค ฮุนได ของ ศศลักษณ์ ไหประโคน

สร้างความสั่นสะเทือน กระหึ่มวงการ ลูกหนังไทยเป็นอย่างมาก แม้ว่าจะเป็นการไปลุย เค ลีก เพียงแค่ 6 เดือน แต่เป็นก้าวสำคัญที่ทีมอย่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ตัดสินใจปล่อยนักเตะไทย ออกไปยังต่างแดนเป็นครั้งแรก

ที่ผ่านมาอาจจะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทำนองว่า การอยู่กับ “ปราสาทสายฟ้า” คงไม่มีวันไปเล่นยังลีกต่างประเทศ เพราะทางคุณเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสร เคยกล่าวไว้สมัย ธีราทร บุญมาทัน ยังค้าแข้งกับทีมไว้ว่าหากทีมที่สนใจไม่ได้อยู่ในระดับที่ดีกว่า บุรีรัมย์ ก็ไม่เห็นประโยชน์อันใดที่จะปล่อยไป แต่ในเวลาต่อมา คุณเนวิน ก็ได้กล่าวเพิ่มเติมว่าไม่ใช่ไม่ปล่อย แต่ไม่เคยมีทีมไหนยื่นออฟเฟอร์จริงๆ มาสักทีมจนกระทั่งมี ชนบุค ฮุนได มอร์เตอร์ ที่แสดงความชัดเจนที่ต้องการ “เจ้าพี” ไปร่วมทีมอย่างจริงจัง อย่างไรก็ตามในช่วงซัมเมอร์นี้ทีมเตรียมจะส่ง 3 แข้งไทยอย่าง สุภโชค สารชาติ, ศุภชัย ใจเด็ด และ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ออกไปฝึกวิทยายุทธกับ เลสเตอร์ ซิตี้

แม้ ศศลักษณ์ แบ็คซ้ายทีมชาติไทย จะเป็นแข้งไทยคนแรกของสโมสร ที่ออกไปผจญภัยในลีกระดับเอเชีย แต่ที่ผ่านมาเคยมีนักเตะต่างชาหลายรายที่มาฝากผลงานเอาไว้ ก่อนจะปีนไปเล่นในลีกระดับเอเชีย และสร้างผลงานเป็นหน้าเป็นตา ว่านักเตะจากไทยลีกก็มีคุณภาพไม่แพ้ใครเหมือนกัน ส่วนจะมีใครบ้างนั้นไปชมกันเลย

 

แฟรงค์ อาเชียมปง

จากแข้งหนุ่มน้อยชาวกานา ที่ไม่มีใครรู้จักชื่อมาก่อน แต่การมาอยู่ในรั้ว “ปราสาทสายฟ้า” ตั้งแต่วัยเพียง 18 ขวบ เขาพัฒนาตัวเองได้อย่างรวดเร็วไม่ต่างจากสปีดที่จัดจ้านของตัวเอง นั่นทำให้ปี 2013 แฟรงค์ อาเชียมปง

ได้ย้ายไปเล่นใน อันเดอร์เลชท์ ยอดทีมแห่งลีกเบลเยียม ด้วยค่าตัว 1 ล้านยูโร (ราว 39 ล้านบาทในขณะนั้น)

ก่อนที่เมื่อกลางปี 2017 จะย้ายข้ามฟากไปร่วมทัพ เทียนจิน เทด้า ทีมดังแห่งศึกไชนีส ซูเปอร์ลีก ด้วยสัญญายืมตัวเป็นเวลา 6 เดือน แถมได้รับค่าเหนื่อยสูงถึง 350,000 ดอลลาร์ (ราว 11.4 ล้านบาท) ต่อเดือนเลยทีเดียว

โดยเล่นไปทั้งหมด 10 นัด ยิงได้ 4 ประตู สามารถพาทีมอยู่รอดใน ไชนีส ซุปเปอร์ลีก ได้สำเร็จ พร้อมกับก้าวขึ้นไปติดตัวหลักของทีมชาติกานา อีกด้วย

ด้วยผลงานอันยอดเยี่ยมของเขา เทียนจิน เทด้า ตัดสินใจซื้อ อาเชียมปง มาร่วมทัพแบบถาวรด้วยราคาเพียง 3 ล้าน 5 แสนยูโร (ราว 130 ล้านบาท) ก่อนที่ฤดูกาลล่าสุดเขาจะโยกไปร่วมทีม เสิ่นเจิ้น เอฟซี อีกหนึ่งทีมในศึกไชนีส ซูเปอร์ลีก ที่มี ยอร์ดี้ ครัฟฟ์ อดีตนักเตะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คุมทัพอยู่ฟร้องค์ โอฮานด์ซ่า
อดีตดาวซัลโว ไทยลีก ฤดูกาล 2011 ด้วยสถิติยิง 19 ประตู ในวัยเพียงแค่ 19 ปี อีกทั้งยังช่วยทีมได้โทรฟี่ เอฟเอ คัพ กับ ลีก คัพ ในฤดูกาลดังกล่าว และเป็นคู่หูที่ไร้เทียมทานของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เมื่อได้จับคู่กับ แฟรงค์ อาเชียมปง

ฟร้องค์ โอฮานด์ซ่า ย้ายออกจากทีมเมื่อปี 2012 ไปร่วมทีม กรอยเธอร์ เฟือร์ธ ในลีกเยอรมนี ก่อนที่จะประสบปัญหาอาการบาดเจ็บเล่นงาน จนกระทั่งไม่สามารถเรียกฟอร์มเก่งกลับมาได้ และสุดท้ายต้องระหกระเหินไปค้นหาตัวเองกับ อิราคลิส (กรีซ) และ เอ็นเค เซสเวเต้ (โครเอเชีย)

จนไปเกิดใหม่อีกครั้งที่ ไฮจ์ดุก สปลิท ทีมในลีกสูงสุดโครเอเชีย ซึ่งลงสนามไปทั้งสิ้น 68 นัด ยิงไป 26 ประตู จ่ายไป 16 แอสซิสต์ ก่อนที่ในปี 2018 จะมาอยู่กับ เสินเจิ้น เอฟซี ในลีกจีน และ เหอหนาน เจียนเย่ ซึ่งก็ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมเช่นกันออสมาร์ อิบันเญซ
หนึ่งในเซนเตอร์ฮาล์ฟที่ดีที่สุดตลอดกาลของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด คงไม่มีใครลืมชื่อของ ออสมาร์ อิบันเญซ ได้อย่างแน่นอน นอกจากคว้าแชมป์ไทยลีก และฟุตบอลถ้วยแล้ว ยังเคยพาทีมเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายเอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก เมื่อปี 2013 ซึ่งเป็นผลงานที่ดีที่สุดของทีม “ปราสาทสายฟ้า” ในฟุตบอลถ้วยเอเชียจนถึงปัจจุบันขณะ

ด้วยฟอร์มการเล่นระดับมาสเตอร์พีซทำให้ เอฟซี โซล แชมป์เคลีกเกาหลีใต้ ทุ่มเงิน 1 ล้านดอลลาร์ ดึงตัวเขาไปร่วมทีมทันทีหลังจบฤดูกาล 2013 นั่นทำให้ “ปราสาทสายฟ้า” ต้องพยายามอย่างหนักเพื่อหาตัวแทนที่เล่นได้แบบเขา ซึ่งไม่ง่ายเลย ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาคือของจริง และเป็นหนึ่งในกองหลังต่างชาติที่ดีที่สุดคนหนึ่งของไทยลีกนับตั้งแต่ก่อตั้งมา

ที่สำคัญเขาเองก็เคยถูกยืมตัวไปเล่นใน เจ ลีก มาแล้ว กับ เซเรโซ่ โอซาก้า เมื่อปี 2018 ก่อนกลับมาร่วมทัพ เอฟซี โซล ซึ่งปัจจุบันเขาลงเล่นใน เคลีก ของเกาหลีใต้ไปมากกว่า 200 เกม ซึ่งได้รับการยอมรับอย่างมากจากผู้เล่น ไปจนถึงแฟนบอลของทีมดังจากแดนกิมจิ จนเคยได้รับมอบหมายให้สวมปลอกแขนกัปตันทีมมาแล้วฆาเบียร์ ปาตินโญ่
อีกหนึ่งสุดยอดดีลของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด คือ การคว้าตัวหัวหอกอย่าง ฆาเบียร์ ปาตินโญ่ หอกลูกครึ่งฟิลิปปินส์-สแปนิช ที่โด่งดังจากศึกเซกุนด้า ของสเปน เข้ามายิงแบบกระจุยกระจายในฤดูกาล 2013-2014 นอกจากยิงไปถึง 34 ประตู เขายังคว้าแชมป์ลีกได้ 2 สมัย , เอฟเอคัพ และลีก คัพ รวมถึง ถ้วยพระราชทาน ก. อย่างละ 1 สมัย

ด้วยผลงานยิงประตูแบบถล่มทะลาย ทำให้ เหอหนาน เจียนเเย่ ขอซื้อตัวด้วยค่าตัวเป็นสถิติของไทยลีกในขณะนั้นที่ 1.2 ล้านเหรียญสหรัฐหรือราว 40 ล้านบาท โดยลงเล่นให้กับทีมจากเเดนมังกร 60 เกม ยิงในลีกไปทั้งหมด 21 ประตู

จากนั้นเลกสองปี 2017 กลับมาอยู่กับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อีกครั้ง เพราะเวลานั้น “ปราสาทสายฟ้า” ขาดโควตาอาเซียน และก็ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมเช่นเดิม จนกระทั่งย้ายไปเล่นให้กับ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี เป็นทีมล่าสุด

 

UFABETWINS

เอ็ดการ์ บรูโน่ ดา ซิลวา

แม้จะทำไป 12 ประตูจาก 23 นัดในช่วงครึ่งปีแรกของฤดูกาล 2018 ก็ตาม แต่ เอ็ดการ์ ซิลวา กลับไม่ได้เป็นที่รักของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด มากนัก ก่อนจะย้ายออกจากทีมเลกสอง ด้วยการไปอยู่กับ แดกู เอฟซี ทีมอันดับ 12 ของศึกเคลีก คลาสสิก ด้วยสัญญายืมตัวจนจบฤดูกาล

ผลงานของอดีตดาวเตะ เซา เปาโล และ วาสโก ดา กาม่า ก็ถือว่าไม่ขี้เหร่ เพราะสามารถพาทีมคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ ของเกาหลีใต้ ได้เป็นผลสำเร็จ แม้ว่าทีมจะจบด้วยอันดับ 7 ใน เคลีกก็ตาม

แต่การเป็นแชมป์โทรฟี่น็อคเอ้าต์ ทำให้ทีมได้เข้าไปเล่นใน เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก 2019 รอบแบ่งกลุ่ม ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร โดยรวมแล้วดาวเตะที่มีประสบการณ์ในลีกยุโรปกับ เบยร่า มาร์, วิคตอเรีย กิมาไรซ์

และ ปอร์โต้ สโมสรในลีกโปรตุเกส ก็ทำได้ดีไม่น้อย ซึ่งทำให้ แดกู เอฟซี ตัดสินใจมอบสัญญาถาวรให้กับเจ้าตัวทันทีก่อนที่จะถูกสโมสรอื่นแยกฉกตัวไปศศลักษณ์ ไหประโคน
นี่คือนักเตะไทยที่สามารถเป็นตัวอย่างที่ดีกับคำว่า “คนสู้ชีวิต” แม้จะไม่ได้โอกาสมากนักจาก ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด แต่การย้ายมา บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กลางปี 2017 ทำให้เขาพัฒนาตัวเองขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง จากที่เคยเล่นตำแหน่งหลักเป็นปีกขวาในทีม “แข้งเทพ” ถูกปรับมาเล่นตัวริมเส้นฝั่งซ้ายกระทั่งยึด 11 ตัวจริงแบบต่อเนื่อง และสามารถคว้าแชมป์ไทยลีกได้ 2 สมัย และปรับตำแหน่งมายืนเป็นวิงแบ็คฝั่งซ้ายในฤดูกาลล่าสุด

เหนือสิ่งอื่นใดเขายังก้าวมาเป็น 1 ในขุนพลของทีมชาติไทย ชุดใหญ่ และกำลังจะกลายเป็นแข้งไทยคนแรกในรอบ 35 ปี ต่อจาก ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน อดีตกองหน้าระดับตำนาน ที่เคยไปค้าแข้งในศึกเคลีก เกาหลีใต้ กับ ลัคกี้ โกล สตาร์ หรือ เอฟซี โซล และอาจจะถือเป็นคนแรกก็ยังได้หากนับเฉพาะช่วงที่ลีกโสมปรับโครงสร้างใหม่มาเป็นระบบลีกอาชีพ

ความเร็ว และความคิดสร้างสรรค์ บวกกับร่างกายที่แข็งแกร่ง และก้มหน้าทำงานอย่างหนักตลอดเวลา นี่คือกุญแจสำคัญที่ยอดทีมอย่าง ชนบุค ฮุนได มองเห็นในตัว ศศลักษณ์ ไหประโคน และปิดดีลยืมตัว 6 เดือนเต็ม ที่สำคัญได้รับการอนุมัติจาก เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรแล้วด้วย แสดงให้เห็นแบบชัดเจนถึงความคิดที่สโมสร ที่ไม่ปิดกั้นในโอกาสครั้งนี้

เหนือสิ่งอื่นใด ดีลของ “เจ้าพี” อาจสามารถสร้างอิมแพ็คให้เกิดขึ้นกับวงการฟุตบอลไทยได้ไม่น้อย หากเจ้าตัวพิสูจน์ตัวเองให้ชาวเกาหลีได้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพทั้งในและนอกสนาม เหมือนกับที่ ชนาธิป สรงกระสินธุ์ เคยไปเริ่มบุกเบิกกับ คอนซาโดเล ซัปโปโร จนกระทั่งนักเตะไทยกลายเป็นสินค้าที่น่าลงทุนลำดับต้นๆ สำหรับตลาดอาเซียนของเจลีกที่ตอบโจทย์ได้ถึงคุณภาพทั้งในและนอกสนาม หาก “เจ้าพี” ไปได้สวย เชื่อเหลือเกินว่าจะมีนักเตะไทยคนอื่นๆ ตามไปล่าฝันที่เกาหลีใต้ในไม่ช้า และลิขสิทธิ์เคลีกคงจะถูกนำเข้ามาขายในประเทศไทยเพื่อให้แฟนลูกหนังไทยได้ติดตามเชียร์กันแน่นอน

อ่านข่าวอื่นๆได้ที่ >>>  UFABETWINS

หน้าแรก  >>>    บ้านผลบอล