UFABETWINS คุณคิดว่ามนุษย์ทุกคน เป็นคนเหมือนกันหรือไม่?
หลายคนอาจตอบว่าเท่ากัน แต่สำหรับบางคนอาจไม่ได้คิดแบบนั้น โดยเฉพาะกับคนผิวดำ ที่ประสบการณ์ชีวิตของพวกเขา ต้องพบเจอกับการถูกเหยียดมากมาย ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน พวกเขาไม่เคยหลีกหนีเรื่องราว ความไม่เท่าเทียมกันในสังคม ที่สหรัฐอเมริกา คือหนึ่งในประเทศที่คนผิวดำ
ต้องพบเจอกับปัญหา การเหยียดผิวมาตลอด แม้แต่ในปี 2020 กับการเสียชีวิตของ จอร์จ ฟลอยด์ หนุ่มผิวสีที่เสียชีวิตจากการถูกจับกุมของตำรวจ และไม่ได้รับความเท่าเทียม ระหว่างการจับกุม เพียงเพราะเป็นคนผิวสี หนึ่งคนที่เข้าใจเรื่องนี้มากที่สุด คือแจ็ค จอห์นสัน แชมป์โลกมวยสากล รุ่นเฮฟวี่เวทผิวดำคนแรก
ของโลก ที่ต้องพบเจอการเหยียดผิว ตลอดชีวิตในฐานะนักมวยของเขา ถึงขนาดที่บางคนไม่ยอมรับว่าเขาเป็นมนุษย์ เหมือนกับคนทั่วไป ความยากลำบากของคนผิวสี แจ็ค จอห์นสัน คือชายหนุ่มผิวดำ ที่เกิดและเติบโตในรัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา จากครอบครัวคนยากจน ที่มีลูกถึง 9 คน โดยพ่อและแม่ของเขา
เป็นคนชนชั้นล่าง ทำงานเป็นคนงานก่อสร้าง และคนล้างจานในร้านอาหาร ไม่ใช่เรื่องแปลกที่คนผิวสีแบบเขา จะมีชีวิตวัยเยาว์ที่ยากลำบาก ด้วยกฎหมายของสหรัฐฯ ในช่วงเวลานั้น ยังไม่ยอมรับคนผิวสี ให้มีสิทธิเท่าเทียมกับคนผิวขาว ทำให้จอห์นสัน ต้องใช้ชีวิตแบบปากกัดตีนถีบ เขาเข้าเรียนในโรงเรียนได้เพียงแค่
5 ปี เขาตัดสินใจออกจากโรงเรียน เพื่อหางานทำ เพราะครอบครัวของเขา ไม่มีรายได้มากพอที่จะจุนเจือครอบครัว จอห์นจึงต้องเป็นอีกแรงที่จะหารายได้ มาช่วยเหลือพ่อกับแม่ จอห์นสันไม่เคยเกี่ยงอาชีพ ที่จะทำให้เขาได้เงิน เขาทำงานบนเรือรับจ้าง, เป็นลูกจ้างในร้านอาหาร ไปจนถึงงานผิดกฎหมาย เพราะ
ครอบครัวของเขายากลำบากมาก ซึ่งจอห์นสันได้ให้สัมภาษณ์ในภายหลังว่า ชีวิตวัยเด็กของเขาย่ำแย่ เกินกว่าใครจะจินตนาการ กับการใช้ชีวิตในฐานะคนชายขอบ อาศัยอยู่ในเเหล่งเสื่อมโทรม ไร้ความเจริญ ด้วยเหตุผลนี้ จอห์นสันจึงไม่ค่อยคบค้าสมาคม กับคนผิวดำมากเท่าใดนัก เพราะเขาอยากจะหนีออกจากชีวิต
ที่ย่ำแย่ ทำให้เขาหันไปคบกับคนขาว และเป็นสมาชิกแกงค์ร่วมกับคนขาว “ผมโตมาโดยมีเพื่อนเป็นคนขาว พวกเขาเป็นเพื่อนแท้ของผม ผมกินข้าวกับพวกเขา เล่นกับพวกเขา นอนที่บ้านของพวกเขา…ไม่มีใครเคยบอกผมเลยว่า พวกเขาเป็นคนขาว และพวกเขาสูงส่งกว่าผม” จอห์นสันเล่าถึงประสบการณ์ของเขากับคน
ผิวขาว แม้จอห์นสัน จะนิยมคบเพื่อนผิวขาว แต่ชีวิตของเขา ยังคงวนเวียนกับการทำงานเป็นแรงงานรับจ้าง ไปทั่วรัฐเท็กซัส จนกระทั่งเขาได้รู้จักกับ วอลเตอร์ เลวิส เจ้าของธุรกิจบรรจุของในเมืองดัลลัส ที่จอห์นสันไปสมัครงานเป็นลูกจ้าง เลวิสเคยเป็นนักมวยมาก่อน และเขารู้สึกเอ็นดูจอห์นสัน จึงตัดสินใจใช้เวลาว่าง
ฝึกวิชามวยให้กับจอห์นสัน ทำให้เขาได้เริ่มชกมวยเป็นครั้งแรก ด้วยวัย 15 ปี จอห์นสันมองเห็นอาชีพนักมวย เป็นทางสว่างในชีวิตของเขา จอห์นสันจึงตัดสินใจย้ายไปอยู่ที่นิวยอร์ก ด้วยวัย 16 ปี เพื่อเรียนวิชามวยกับ โจ วัลคอตต์ นักมวยผิวสีรุ่นเวลเตอร์เวท อย่างไรก็ตาม เรื่องราวไม่ได้สวยงาม แบบที่เขาคิด วัลคอ
ตต์ไม่ได้สอนวิชามวยให้เขา แต่กลับใช้งานให้เขาเป็นคนเลี้ยงม้า แถมยังไล่จอห์นสันออกจากงานอีกต่างหาก จอห์นสันระหกระเหิน ไปอยู่ที่เมืองบอสตัน และเขาได้พบกับ แฮร์มัน แบร์เนา นักชกชาวเยอรมัน และแบร์เนาคือคนที่สอนวิชามวย เพิ่มเติมให้กับเขา และเริ่มพาจอห์นสัน ชกมวยอย่างจริงจัง ด้วยความเป็น
คนผิวดำ แทนที่จอห์นสันจะได้รับโอกาสให้ขึ้นชกตามเวทีมวยทั่วไป เขาต้องเริ่มต้นกับการชกมวยในผับบาร์ หรือคลับของคนรวย อย่างไรก็ตาม การชกตามสถานบันเทิงเหล่านี้ ทำเงินให้จอห์นสันได้ไม่น้อย และเขาไม่คิดปริปากบ่น ตราบใดที่เขายังคงชนะน็อคนักมวยคู่ต่อสู้ คนเเล้วคนเล่า ฝีมือที่เก่งเกินกว่าจะต่อย
ตามผับ ทำให้จอห์นสันได้รับโอกาส ขึ้นชกอาชีพเป็นครั้งแรก ที่รัฐเท็กซัสบ้านเกิดของเขา…ไฟต์แรกในชีวิตของจอห์นสัน ต้องขึ้นชกกับนักมวยผิวขาวนามว่า เดวี่ เพียร์สัน ซึ่งเพียร์สันเกิดได้รับรู้ความเก่งของจอห์นสัน จึงแจ้งข้อหาผิดกฎหมายให้กับจอห์นสัน (กฎหมายที่ว่าคือ การห้ามซ้อมมวยก่อนชก เพราะในช่วง
เวลานั้น บางรัฐไม่อนุญาตให้นักมวยซ้อมชก หนึ่งในนั้นคือรัฐเท็กซัส) จนจอห์นสันโดนตำรวจจับกุม เข้าไปนอนคุกอยู่หลายวัน อย่างไรก็ตาม จอห์นสันได้รับการปล่อยตัว และชนะน็อคเพียร์สันราบคาบ ทำให้จอห์นสันตัดสินใจ ลงแข่งขันทัวร์นาเมนต์มวย เพื่อชิงเงินรางวัล ซึ่งเขาชนะการแข่งขัน กระนั้น เขากลับได้
รับเงินรางวัลเพียงแค่ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ กับอีก 50 เซนต์ เท่านั้น (ประมาณ 47 บาทในปัจจุบัน) ด้วยข้ออ้างว่า รัฐเท็กซัสไม่อนุญาตให้เงินรางวัลกับผู้ชนะในกีฬามวย ! ความยากลำบากของนักมวยผิวสี แม้จะเริ่มต้นอย่างยากลำบาก กับการหารายได้ ในฐานะนักมวย แต่ชื่อเสียงที่โด่งดังขึ้น ทำให้จอห์นสันได้เดินทาง
ไปชกมวยทั่วสหรัฐฯ หาเงินได้มากขึ้น มากขึ้น มากขึ้น กับชัยชนะบนสังเวียนของเขา สไตล์การชกของจอห์นสัน เป็นมวยเน้นรับ สร้างความผิดพลาดให้น้อยที่สุด ไม่บุกเข้าไปชกใส่คู่ต่อสู้ก่อน ทำให้เขาสามารถชกคู่ต่อสู้ ที่เป็นมวยสายบุกได้แบบสบายๆ เพราะนอกจากชั้นเชิงที่ยอดเยี่ยม จอห์นสันยังมีหมัดที่หนัก
หน่วง เป็นอาวุธเอาชนะนักชกคู่แข่ง จอห์นสันสร้างชื่ออย่างมากกับสไตล์ของเขา อย่างไรก็ตาม เขาถูกนักข่าวมวยผิวขาวโจมตีอยู่บ่อยครั้ง ในฐานะ “นักมวยขี้ขลาด” และ “นักมวยแทคติค” แต่ไม่ใช่ว่าคนขาวทุกคน จะไม่ชอบขี้หน้าเขา จิม คอร์เบ็ตต์ นักชกรุ่นพี่ ดีกรีแชมป์โลกรุ่นเฮฟวีเวท เจ้าของฉายา “สุภาพบุรุษ”
คือแฟนตัวยงของจอห์นสัน พร้อมกับเรียกเขาว่า “ชายที่ฉลาดที่สุดในวงการมวย” จอห์นสันโดนจับกุมอยู่หลายครั้ง ด้วยข้อหาการต่อยมวยเพื่อเอาเงินรางวัล และซ้อมชกมวย ที่ผิดกฎหมายในบางรัฐ ซึ่งไม่สามารถหลีกเลี่ยงการตั้งข้องสังเกตได้ว่า ที่เขาถูกจับกุมเพราะเขาเป็นคนผิวสี ในเมื่อการซ้อมชกมวย และการ
ชกมวยชิงเงินรางวัล เกิดขึ้นทั่วสหรัฐอเมริกา ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ในฐานะกีฬายอดนิยม ปี 1902 ด้วยวัย 24 ปี จอห์นสันผ่านชัยชนะมากกว่า 50 ครั้ง จนเปิดโอกาสให้เขาคว้าเข็มขัดแชมป์เฮฟวีเวทครั้งแรก ในปี 1903 กับเข็มขัด Colored Heavyweight Championship ซึ่งสร้างชื่อเสียงให้เขาเป็นอย่างมาก
เพราะไม่บ่อยนักที่นักมวยผิวสี จะคว้าเข็มขัดแชมป์มาครอง โดยเฉพาะในรุ่นเฮฟวี่เวท การคว้าเข็มขัดเส้นนี้ ทำให้จอห์นสัน เป็นที่พูดถึง ในฐานะนักมวยคนต่อไป ที่จะได้ก้าวขึ้นมาชิงแชมป์โลกเฮฟวี่เวท จาก เจมส์ เจฟฟรายส์ แชมป์โลกในเวลานั้น แต่โอกาสที่จะเป็นแชมป์โลกของจอห์นสัน ต้องถูกปิดสนิท
หลังเจฟฟรายส์เผยว่า เขาไม่มีทางจะป้องกันแชมป์กับจอห์นสัน โดยให้เหตุผลว่า เข็มขัดแชมป์โลกคือเข็มขัดที่ศักดิ์สิทธิ์ และมีคุณค่า เกินกว่าที่คนผิวสีจะได้รับ จอห์นสันทำได้เพียงแค่ ป้องกันเข็มขัดแชมป์ Colored Heavyweight ไปเรื่อยๆ ไฟต์แล้วไฟต์เล่า ที่เขาเอาชนะคู่ต่อสู้ และไม่มีทีท่าว่าจะเสียแชมป์…จน
กระทั่งปี 1907 จอห์นสันได้โอกาสชกกับอดีตแชมป์โลกเฮฟวีเวท บ็อบ ฟิตซิมมอน เเละเอาชนะน็อค ด้วยเวลาเพียง 2 ยก ชื่อเสียงของเขาดังสุดขีด และโอกาสชิงแชมป์โลกก็มาถึงปี 1908 จอห์นสันได้โอกาสชิงแชมป์โลก กับ ทอมมี เบิร์นส์ นักชกชาวแคนาดา ผู้เย้ยหยันจอห์นสันตลอดเวลา โดยเฉพาะในงาน
แถลงข่าว และเลือกป้องกันแชมป์กับจอห์นสัน เพราะเงินค่าตัวมหาศาล ไม่เคยมองว่า นักชกผิวสีอย่างจอห์นสัน จะเก่งพอที่จะคว้าแชมป์จากเขาได้เลย ไฟต์นี้ต้องไปชกกันที่ประเทศออสเตรเลีย และเป็นจอห์นสัน ที่ไล่นวดอัดเบิร์นส์ จนถึงยกที่ 14 (จากทั้งหมด 20 ยก) อยู่ดีๆตำรวจกลับเข้ามาระงับ และสั่งยุติการ
แข่งขัน ท่ามกลางความงุนงงของทุกฝ่าย อย่างไรก็ตาม กรรมการได้ตัดสินให้จอห์นสันเป็นผู้ชนะ กลายเป็นแชมป์โลกผิวสี รุ่นเฮฟวีเวทคนแรกในประวัติศาสตร์ การคว้าแชมป์โลกของจอห์นสัน ไม่ได้ทำให้นักมวยผิวดำเป็นที่ยอมรับ แต่กลับถูกเหยียดมากกว่าเดิม จนเกิดแคมเปญ “Great White Hope” ที่เรียกร้องหานัก
มวยคนไหนก็ได้ ที่เป็นคนผิวขาว ให้มากระชากแชมป์ ไปจากจอห์นสัน จอห์นสันต้องทนเจอกับคำถามเหยียดผิว ทุกครั้งที่เขาแถลงข่าวกับสื่อ…สื่อบางคนเขียนข่าวว่า ที่จอห์นสันเป็นแชมป์โลก เพราะเขาไม่ใช่คน แต่เขาเป็นลิง และการที่จอห์นสันเป็นลิง ทำให้เขาชกมวยชนะคนผิวขาว อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะถูก
เย้ยหยันมากเท่าไหร่ จอห์นสันตอบโต้ด้วยผลงานในสังเวียน เขาชนะและป้องกันแชมป์โลกกับนักมวยผิวขาว กระทั่งในปี 1910 อดีตแชมป์โลก อย่าง เจมส์ เจฟฟรายส์ ผู้เคยปฏิเสธขึ้นชกกับจอห์นสัน ตัดสินใจเลิกรีไทร์ หวนคืนสู่สังเวียนมวยอีกครั้ง ด้วยการท้าชิงแชมป์โลกกับจอห์นสัน “ผมตัดสินใจขึ้นชกครั้งนี้
ด้วยเหตุผลเดียว คือพิสูจน์ว่าคนผิวขาว ดีกว่าไอ้พวกนิโกร” เจฟฟรายส์ประกาศกร้าว…ขณะที่จอห์นสันต้องเจอกระแสการเหยียดผิว ที่หนักหน่วงที่สุด กับการช่วงเวลาในฐานะนักมวย กับการต้องป้องกันแชมป์ กับนักชกขวัญใจมหาชน อย่างเจฟฟรายส์ ผู้ที่ชีวิตนี้ไม่เคยแพ้แม้แต่ครั้งเดียว และรีไทร์ในฐานะแชมป์โลก
“คนที่ดีที่สุดจะชนะ” จอห์นสันพูดถึงไฟต์นี้สั้นๆ และเป็นจอห์นสัน ที่อัดเจฟฟรายส์ ลงไปนอนกับพื้นถึงสองครั้ง จนกระทั่งในยกที่ 15 พี่เลี้ยงของเจฟฟรายส์ ต้องโยนผ้าขาวเพื่อขอยอมแพ้ และการชกครั้งนี้ถูกเรียกว่า “การชกแห่งศตวรรษ” “ผมพยายามที่สุดแล้ว แต่ผมทำอะไรเขาไม่ได้ ผมชกเขาไม่โดนเลย มันไม่มี
ทางเกิดขึ้น ต่อให้มีเวลาอีก 1,000 ปี ผมก็สู้เขาไม่ได้” เจฟฟรายส์ กล่าวหลังการชก การต่อสู้นอกสังเวียน (ที่ไม่มีทางชนะ) ชัยชนะของจอห์นสัน ทำให้เขาได้รับการยอมรับ จากคนในวงการมวย แต่ไม่ใช่กับคนผิวขาวทั่วไป…ความสำเร็จของจอห์นสัน ทำให้คนผิวขาวผิดหวัง และพวกเขารับความจริงไม่ได้ ที่ต้องรู้ว่า
คนผิวขาวไม่ได้ดีกว่าคนผิวดำ สิ่งที่ตามมาคือการเกิดการเดินขบวนต้านคนผิวดำทั่วสหรัฐฯ รวมถึงการทำร้ายร่างกายคนผิวสี มีผู้บาดเจ็บ และเสียชีวิต
สำหรับจอห์นสัน แม้เขาจะเป็นแชมป์โลก แต่เขายังคงไม่ได้รับการยอมรับ จากคนในสังคม ปี 1912 เดือนตุลาคม จอห์นสันถูกตำรวจจับเข้าคุก หลังจากเห็น
เขานั่งรถคันเดียวกับหญิงผิวขาว นามว่า ลูซีล คาเมรอน (ผู้เป็นภรรยาเขาในเวลาต่อมา) จากกฎหมายที่ถูกเรียกว่า Mann Act กฎหมายที่ห้ามผู้หญิงผิวขาว นั่งรถโดยสารส่วนตัว ร่วมกับผู้ชายผิวดำ หนึ่งเดือนถัดมา จอห์นสันถูกตำรวจจับกุมอีกครั้ง ด้วยข้อหาเดิม จากกฎหมายเดิม และในการตัดสินพิจารณาโทษของ
เขา จอห์นสันต้องพบว่าคณะลูกขุนทุกคน เป็นคนผิวขาว และตัดสินให้เขามีความผิดจริง ทำให้เขาถูกตัดสินจำคุก 1 ปี กับอีก 1 วัน ในเดือนมิถุนายน ปี 1913 จอห์นสันตัดสินใจหนีออกนอกสหรัฐอเมริกา ทั้งที่เขายังเป็นแชมป์โลกเฮฟวี่เวท เดินทางไปใช้ชีวิตทั้งในยุโรป, เอเชีย, แอฟริกา เพื่อหลบหนีความผิด ที่ไม่ใช่
ความผิดของเขาแม้แต่น้อย ท้ายที่สุด หลังจากใช้เวลา 7 ปี นอกประเทศ จอห์นสันได้กลับเขาสหรัฐฯอีกครั้ง ในปี 1920 แต่นั่นเป็นเพราะเขาถูกเจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ จับกุมที่ชายแดนของเม็กซิโก และเขาต้องเข้าไปนอนรับโทษในคุก เป็นเวลา 1 ปี กับ 1 วัน ตามการตัดสินที่เกิดขึ้น จอห์นสันยังคงสู้ต่อไป ในฐานะนัก
มวยผิวดำ แม้ว่าเขาจะเสียแชมป์โลกตั้งแต่ปี 1915 และไม่ได้รับโอกาส กลับไปชิงแชมป์อีกเลย…จอห์นสันชกมวยต่อ จนกระทั่งถึงปี 1931 ด้วยวัย 53 ปี เขาตัดสินใจแขวนนวม หลังพบความพ่ายแพ้บ่อยครั้ง ในช่วงปลายอาชีพ จอห์นสันยังคงต้องพบเจอกับการเหยียดผิว ตลอดชีวิตที่เหลือของเขา…วันที่ 10
มิถุนายน 1946 เขาเดินทางไปกินอาหารเย็นที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ก่อนจะต้องพบว่า ร้านอาหารปฏิเสธจะขายอาหารให้กับเขา ในฐานะคนผิวดำ ด้วยความหงุดหงิดเขาจึงขับรถออกจากร้าน ด้วยความเร็วสูง จนประสบอุบัติเหตุ และเสียชีวิต ด้วยวัย 68 ปี แจ็ค จอห์นสัน คือสุดยอดนักมวยคนหนึ่ง ที่โลกใบนี้เคยมี
แต่ชื่อของเขากลับถูกจดจำในฐานะคนผิวสี ที่ต้องทนเผชิญกับเรื่องราวที่เลวร้าย มากที่สุดคนหนึ่ง ในประวัติศาสตร์ของสหรัฐอเมริกา…เขาต้องรอเวลาถึง 105 ปี กว่าคดีความของเขา จะได้รับการอภัยโทษ จากรัฐบาลสหรัฐฯ เมื่อปี 2018 ที่ผ่านมา เรื่องราวของแจ็ค จอห์นสัน ถูกส่งต่อผ่านงานต่างๆ ทั้งภาพยนตร์,
สารคดี, บทเพลง, งานศิลปะ, หนังสือ มีคนรุ่นหลังมากมาย ที่หยิบเรื่องราวของเขามาสร้างเรื่องราวอยู่เรื่อยๆ เพื่อบันทึกถึงความผิดพลาดของมนุษย์ ที่ครั้งหนึ่งเคยตีค่าความไม่เท่าเทียมกันของมนุษย์ เพียงเพราะสีผิวต่างกัน และความผิดพลาดนั้น ได้ทำร้ายผู้คนอย่างไรบ้าง ให้คนรุ่นหลังได้จดจำ ต่อสู้ไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นอีก
เพิ่มเติม >>> https://www.ufabetwins.com/
คลิกเลย >>> https://www.ljcinteractive.com/